ฟัดกันมันหยด เมื่อเทรนด์ คนเห็นผี ปะทะ คนปราบผี ใครจะอยู่ ใครจะตาย

  • 11 พ.ค. 2563
  • 3096
หางาน,สมัครงาน,งาน,ฟัดกันมันหยด เมื่อเทรนด์ คนเห็นผี ปะทะ คนปราบผี ใครจะอยู่ ใครจะตาย

หลายปีที่ผ่านมา เทรนด์ 'คนเห็นผี' หรือผู้ที่อ้างว่าสามารถติดต่อ สื่อสาร กระทั่งพูดคุย ประทับร่าง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับ 'วิญญาณ' ได้รับความนิยมมาเรื่อย หลายคนยัง 'โด่งดัง' ยืนระยะมีผลงานในแนวทางที่ว่าต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้

แต่ทว่าทันสังเกตหรือไม่ว่า อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตาที่มาคู่กับ 'คนเห็นผี' ก็คือ 'คนปราบผี' ที่กำลังได้รับความนิยมเรื่อยๆ เทรนด์นี้ก็จะย้อนแย้ง และออกมาแลกกันหมัดต่อหมัด มาหักล้างความเชื่อกับเทรนด์แรก ซดกันอย่างน่าดูชม ไทยรัฐออนไลน์ลองรวบรวม 2 เทรนด์จากคน 2 กลุ่มสุดร้อนแรงที่ว่า เพราะเมื่อมี 'คนเห็นผี' ได้ก็ต้องมีเทรนด์ 'คนปราบผี' ได้  

 

 

 

เจน ญาณทิพย์ : (ยัง) ดิฉันสัมผัส (ผี)ได้ 

ถือว่าชื่อเสียงคนเห็นผี สื่อสารกับวิญญาณ ที่ไม่เพียงขายได้ และขายได้ดี มีรายการมากมาย รายแรกเรานึกถึง น.ส.เจนจิรา เรียบร้อยเจริญ หรือ 'เจน ญานทิพย์' เล่าประวัติความเป็นถึงความสามารถเห็นผีผ่านไทยรัฐออนไลน์ (ท้าพิสูจน์ ผู้หญิงโกงความตาย 'เจน ญาณทิพย์'- ชมคลิป)ว่า เป็นคนฝั่งธนฯ เป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก แต่ชอบนั่งสมาธิและทำบุญ เรียนจบมหาวิทยาลัยสาขาการโรงแรม อยากเป็นมัคคุเทศก์ แต่เริ่มต้นทำงานที่ร้านขายมือถือ ขายไปก็แผ่ส่วนบุญให้ลูกค้า จนปีนั้นได้ตำแหน่งนักขายดีเด่น เจ้านายยื่นข้อเสนอดีๆ ให้ไปเป็นเซลส์ขายบ้านหรูแถวพุทธมณฑลสาย 4 ที่นี่เธอพบกับวิญญาณเฮี้ยนสิงสถิตมากมาย

“เล่าให้เพื่อนเซลส์แรกๆ ก็ไม่เชื่อ จนป้าที่อยู่ตรงนี้เป็นสิบปีบอกว่าที่นี่เป็นที่ฝังศพเด็กเก่า หลังจากนั้นทำพิธีอุทิศส่วนกุศลบ้านขายดีมากจนคนแปลกใจ แต่ต้องลาออกไปทำงานบัญชี แต่ไม่ตรงกับสิ่งที่เรียนมา จึงลาออกอีกครั้ง พร้อมกับมีเสียงผู้ชายดังขึ้นเรื่อยๆ ในหัวว่า “ถึงเวลาแล้วนะ เธอต้องช่วยคนอื่น”

“เสียง” นั้นเป็นของครูบาอาจารย์ แต่เธอเลือกฝืนมาตลอดเพราะไม่อยากเป็นหมอดูใต้ต้นมะขาม หลังจากได้งานใหม่ แต่ที่สุดก็ต้องลาออกอีก พร้อมกับเสียงพูดเดิมที่บัดนี้หัวเราะและบอกว่า “ถ้าไม่เชื่อ เราจะให้เจ้าถึงที่สุด”

“จู่ๆ ก็มีคนมาเข้าฝันบอกสูตรก๋วยเตี๋ยวลุยสวนทำแล้วขายดีมากมีคนมารับซื้อไปขายต่อ ตอนนั้นชีวิตมีความสุขมาก แต่พลันมีเสียงเดิมดังขึ้นในหัวกัมปนาทย้ำอีกว่า “เราให้งานที่มีอิสระแล้วถึงเวลาแล้วท่านจะต้องช่วยคนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ” จึงเริ่มดูกรรมให้กับเพื่อนแม่ที่ตลาด” กระแสความดังของ ‘เจน ญาณทิพย์’ กระจายแบบปากต่อปาก (โดยเฉพาะการใช้ญาณทิพย์ตามหาน้องหยก ตอนเจนอายุเพียง 16 ปี)

จนมาเข้าหูเจ้าของเว็บลี้ลับชื่อดังโทรมาสัมภาษณ์ แต่เธอปฏิเสธ ทว่าพี่สาวปลอมเสียงให้สัมภาษณ์ เขาก็เอาเรื่องและรูปไปลงเว็บไซต์ จึงมีคนโทรมาขอความช่วยเหลือมากขึ้น ต่อมาเจ้าของเว็บอยากทดสอบจึงพาคุณพ่อมาตรวจกรรม และทึ่งกับความแม่นยำ โดยนำเรื่องราวดังกล่าวไปเสนอให้รายการทีวี หลังจากนั้นก็ออกรายการต่างๆ อีกมากมาย

 

 

 

ริว จิตสัมผัส เมื่อกวนอูเตือนภัย! 

คนเห็นผีคนที่ 2 จะเป็นใครไม่ได้ เขาเป็นคู่แข่งกลายๆ ที่เบ่งรัศมีแข่งกันในค่ายเดียวกันที่หลายคนจับตามอง ริว จิตสัมผัส หรือ ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์ เล่าประวัติความเป็นถึงความสามารถเห็นผีผ่านไทยรัฐออนไลน์ (อ่านเพิ่ม : เปลือย ริว จิตสัมผัส 'เตี๊ยมให้ตายโหง!' ชมคลิป) ถึงจุดเริ่มต้นความพิเศษที่ใครเรียกว่าจิตสัมผัสว่า มีมาตั้งแต่เกิดมารู้ครั้งแรกตอน ป.3 ‘กวนอู’ มาเข้าฝันพร้อมกับบอกเราว่ามีภารกิจร่วมกัน ประถม 6 จู่ๆ ก็เห็นเนื้อสัตว์ในจานเป็นก้อนเลือด จึงหันมากินข้าวกับผลไม้ จนโดนคนในครอบครัวค่อนแคะว่า “กระแดะ” 1 เดือน หลังจากทำร่างกายให้บริสุทธิ์ด้วยการ "กินเจ" ช่วงนี้แหละที่กวนอูเพิ่มระดับเข้ามามีบทบาทในชีวิต เข้าฝันบอกว่า นับจากนี้ไปเราจะใช้เวลา 3 เดือนในการพบกัน โดยเดือนแรกพาไปนรกไปดูสถานที่ชดใช้กรรม

เดือนที่สอง พาไปดูกรรมที่มนุษย์ควรรู้ ให้ไปเห็นกรรมที่ไม่เท่าเทียมกันและเดือนสุดท้ายก็พาไปดูความเชื่อบนสรวงสวรรค์ 

ริวใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา กระทั่งพ่อบุญธรรมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุท่านกวนอูก็บอกว่าเอาลายเซ็นดู ก็เห็นภาพชีวิตทั้งหมด ตั้งแต่เกิดจนตายต่อมาก็เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้เรื่อยๆ ชนิดที่ไม่ได้เรียน หรือศึกษาทางด้านนี้แต่อย่างใด

"ตอนนั้นตนเองทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จู่ๆ กวนอูมาฝันว่าอายุ 30 ปี จะทำคนรู้จักทั้งประเทศ จึงเอาเรื่องนี้เล่าให้พี่ที่สนิทฟังว่า แต่โดนด่ากลับว่า ‘เพ้อเจ้อ’ 
 เหลือเชื่อวันที่อายุ 30 ปีเต็ม ทีมงานตีสิบเชิญไปออกรายการ และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ก็คือคนที่ขับรถพาไปอัดรายการก็คือพี่ที่เขาเล่าเรื่องให้ฟังว่ากวนอูมาบอก หลังจากออกรายการตี 10 ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม"

ย้ำอีกสักที แน่นอนว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายว่ามีความพิเศษในการเห็นผีได้หรือไม่ หรือเป็นการเตี๊ยมกันกับรายการหรือเปล่า ซึ่งริวก็ยืนยันตรงๆ กับไทย รัฐออนไลน์ว่า เขารู้เรื่องราวล่วงหน้าได้เฉพาะมีกวนอูมาบอกเท่านั้น ส่วนข้อหาที่หลายคนสงสัยนั้น ริวย้ำชัดเจนว่า ถ้าเตี๊ยมขอให้ตายโหงเลย

 

 

 

หมอปลา มือปราบสัมภเวสี กำจัดวิญญาณร้าย!

คนที่ 3 แม้จะเพิ่งโด่งดังมาหลัง 2 รายแรก แต่ก็ถือว่ามีจุดขายเจ้าของฉายา มือปราบสัมภเวสี ผู้โด่งดัง ชื่อจริงว่า จีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา (เขาชื่อเล่นว่าปลา) หนุ่มเพชรบุรี เป็นลูกชายคนที่ 4 จากบรรดาพี่น้อง 6 คน การศึกษาก็ใช่ย่อย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  

"ผมกลัวผีมากๆ หลังเรียนจบ ก็พบอาการปวดหัวอย่างรุนแรง หลังจากก็สัมผัสกับภาพความลี้ลับต่างๆ อย่างมากมาย หลังจากทำใจให้ยอมรับได้ก็ทำงานเพื่อช่วยเหลือทุกคน"

เร่ิมเป็นที่รู้จักในรายการทีวีชื่อดัง 'เรื่องจริงผ่านจอ' ที่ออกอากาศทาช่อง 7 สีเมื่อไม่กี่ปีก่อน จุดเด่นที่เตะตาผู้ชมก็คือที่เวลาหมอปลาเจอผีก็จะหาว น้ำตาไหล หรือแสดงอาการของสิ่งที่เขามองเห็นว่ากำลังปวดร้าว ทุกทรมานมากมายแค่ไหน ซึ่งใครที่ใช้บริการเขาก็จะไม่คิดเงิน หลังจากรายการออกไปทำให้ชื่อเสียงของหมอปลาโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน คิวรักษาหมอปลาถือว่ายาวมากถึงมากที่สุด หากคุณต้องการให้เขาช่วยเหลือเรียกว่ารอต่อคิวกันยาว เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากตกทุกข์ลำบากเรื่องผีๆ เรื่องที่หาสาเหตุไม่ได้ คนก็เชื่อว่าหมอปลาสามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ ปัจจุบันหมอปลามีรายการประจำชื่อมือปราบสัมภเวสี ทางช่องไทยรัฐทีวี เป็นรายการเรตติ้งกำลังกระฉูด

 

หมอปลาย : พรายกระซิบ ท่านยมบาลเจ้าขา!

คนสุดท้ายที่ฮอตมากมาย ด้วยคำทำนายที่รุนแรง แต่ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำทำนายที่ไม่ตรงไปตามที่ระบุ หมอปลาย ณวรชา พินิจโภคากร เคยไปพิสูจน์ผีกับไทยรัฐออนไลน์ (ตั้งกล้องจับผี เจอดี...! ท้าพิสูจน์เฮี้ยน โค้งร้อยศพรัชดาฯ สยอง - ชมคลิป) พร้อมกับเล่าผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ตนเองเห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กๆ จนแยกไม่ออกว่าอันไหนวิญญาณหรือคนปกติแต่มีลักษณะเดินแข็งๆ ทื่อๆ อยู่กับพวกผีมาตลอด ตอนอายุ ป.5-6 คุณแม่เห็นว่าป่วยบ่อย เลยพาไปหาร่างทรง เขาก็ให้กุมารมา 2 องค์ กลับมาเราก็เอามาเล่นชนกันเหมือนของเล่นทั่วไปจนแม่เตือนว่า อย่าเล่นแบบนี้นะเดี๋ยวป่วย

ตอนนั้นเราก็ท้าเลย มีจริงก็มาเจอซิ หลังจากนั้นก็เห็นชัดเจนก็เร่ิมสื่อสารกันตั้งแต่ตอนนั้น จนแม่นึกว่าเราบ้า กระทั่งโตมาท่านบอกว่าจะมาเป็นหมอดูไหม ถ้าไม่มีก็ป่วยตายไปซะ เราก็บอกว่าเป็นได้ แต่ขอมีแฟนและขอใช้ชีวิตปกติ หลังจากนั้นก็มาเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงทุกวันนี้  

หมอปลายโด่งดังจากคำทำนายเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของประเทศเกาหลี เรือเซวอลอับปาง ทำให้มีคนเสียชีวิตมากมาย และ กรณีเครื่องบิน MH370 หายสาบสูญ ทำให้โลกโซเชียลร่ำลือถึงความแม่นยำ แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ผิดพลาดมากเช่นกัน-หมอปลายอธิบายเรื่องนี้ว่า การทำนายเป็นเรื่องที่สามารถเคลื่อนได้เหมือนกับชีวิตคน ที่สำคัญเราได้ยินเสียงกระซิบ (จากยมบาล) เราก็สื่อสารในสิ่งที่ได้ยินออกไปส่วนจะเกิดหรือไม่เราก็ทำหน้าที่ตรงนั้นไปแล้ว 

ที่สุดแล้ว แม้ว่าหลายคนจะตั้งคำถามถึงความสามารถพิเศษของพวกเขาว่ามีจริงหรือไม่ หลายคนก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามมากมาย แต่วันนี้ยังยืนระยะและมีพื้นที่สื่อได้ ถือว่า คนเห็นผีเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ยืนระยะได้น่าสนใจเพราะว่าสังคมไทยเชื่อว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่

 

คนปราบผี : ฮาร์คอร์ทำลายความงมงาย ฟักโกสต์

มายังฟากคนปราบผีบ้าง เร่ิมต้นด้วย เพจชื่อดัง FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย ที่ออกมาหักล้างความเชื่อต่างๆ มากมาย แม้จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงระดับการแสดงออกด้วยถ้อยคำหยาบคายและพฤติกรรมที่ฮาร์คอร์ต่อสิ่งที่สังคมเชื่อมากมาย แม้จุดประสงค์พวกเขาจะอยากทำให้คนไม่งมงายก็ตามที

ที่มาของเพจนี้มีการระบุไว้ข้อมูลไว้ว่า เกิดจากการคุยกันเล่นๆ กระทั่งปลายปี 54 มีคนมักพูดถึงคำทำนายปลาบู่ รายการผี ละครผี เกมโชว์ดูดวง และสื่องมงายอีกมากมาย จนเป็นที่หน้าหงุดหงิด แต่ไม่มีที่เผยแพร่แนวคิดของกลุ่มคนที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย จึงตั้ง ชื่อโครงการว่า "คนหวดผี" ตั้งแต่ต้นปีม.ค. 55 แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอัน ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่ในวันที่ 8 ก.พ.55 และสร้างเพจในวันที่ 9 ก.พ.55 เป็น FuckGhost-ฟักโกสต์ สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย 

มี Concept คือเปิดโปง และทำลายล้าง ความเชื่องมงาย ทุกรูปแบบ หลายคนชอบแนวความคิด ชอบการตั้งคำถาม แต่สิ่งที่สงสัยและน่าสนใจก็คือมันไม่มีวิธีนำเสนอการค้านความเชื่ออีกด้าน นอกจากวิธีที่ฮาร์คอร์ ถ้อยคำหยาบคายที่กระทำต่อในสิ่งที่ผูกโยงกับวัฒนธรรม ประเพณี ดั้งเดิม?

บีเจ้าของเพจ ฟักโกสต์ อธิบายกับไทยรัฐออนไลน์เอาไว้ว่า ผมเชื่อว่าความเกรียนทำให้เกิดความกล้าขึ้นมา ที่จริงผมเสนอทุกแบบ แต่คนมักจะเห็นแต่สีดำ สมมติว่า นักวิทยาศาสตร์บอกผีไม่มีจริง เราเข้าถึงได้มากกว่า แต่เราไม่ใช่ ซึ่งคนที่ศึกษาธรรมะจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด เพราะสิ่งที่ผมแสดงออกใช้ธรรมะอธิบายแทบทั้งหมด แต่ผมกลุ่มที่ผมต้องการก็คือวัยรุ่น

ดังนั้นเมื่อผมจะสื่อสารภาษาก็ต้องพูดอย่างนี้ (บีเป็นแฟนเพจโหดสัส) และผมก็อยากจะเป็นความเชื่อเปลี่ยนค่านิยมของคนกลุ่มนี้ ซึ่งตอนนี้เร่ิมมีคนตั้งคำถามกับเรื่องผี สาง วิญญาณ เจ้าเข้าทรง และพิธีกรรมไสยศาสตร์ต่างๆ ฯลฯ มากขึ้น ผมยกตัวอย่างเมื่อก่อนคนเล่าเรื่องผีไม่มีคนตั้งคำถาม แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เร่ิมมีคนตั้งคำถามว่าจริงหรือเปล่า ซึ่งสำหรับพวกเราคนเชื่อ 'ฟักโกสต์' เท่าไหร่ไม่สำคัญ อย่างน้อยๆ เราก็ได้เร่ิมปลูกฝังค่านิยมของคนรุ่นใหม่ไม่ให้งมงายให้ตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็น อย่างเชื่อแค่เขาเล่ามา"

เจ้าของเพจดัง FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย บอกว่า จริงๆ อะไรที่มันรุนแรง เกรียนไป ท้าทาย ลบหลู่ เราก็รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แต่เมื่อเราเป็นผู้นำ เมื่อเขาท้าก็ต้องทำ วันนี้ตนพร้อมจะดีเบตกับทุกคนที่มีความเชื่อเรื่องเหล่านี้ เพราะสำหรับผม 'ผีไม่ใช่พลังงานแต่เป็นจินตนาการของคน'

 

iScream : เกรียนไม่กลัวผี iScream ลุยบ้านผีสุดฮาร์ดคอร์ 

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ตั้งคำถามได้เจ็บแสบและฮาร์คอร์ โดยเฉพาะเรื่องราวบ้านผี และวิญญาณ กลุ่ม iScream ที่หลายคนบอกว่าเกิดขึ้นมาเพราะรำคาญรายการจำพวก 'ตะลุยบ้านผี' ทั้งหลายแหล่นั่นเอง

พวกเขาเคยให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ (เปิดใจเกรียนไม่กลัวผี iScream สุดฮาร์ดคอร์ - ชมคลิป) ว่า เร่ิมต้นจากพิธีกรคนหนึ่ง น้ำหวาน ซาซ่า (พิมรา เจริญภักดี) อยากทำรายการในอินเทอร์เน็ต เราก็ถามว่าสนใจเรื่องอะไร เขาบอก 'แฟชั่น' กับ 'เรื่องผี' แฟชั่นตัดไปเลยเพราะเราเป็นผู้ชาย ไม่ถนัด เลยเลือกทำเรื่องผี

"บอกตรงๆ ไม่ได้ถนัดเลย (หัวเราะ) เราไม่ได้อยู่ในแวดวงผี เป็นครีเอทีฟมีหน้าที่คิด ต้องตีโจทย์ว่ามันจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ออกมาแล้วไม่ให้ซ้ำคนอื่น พอเราก็มาดูรากเหง้ารายการผีเป็นอย่างไร มีไฟมืดๆ น่ากลัวๆ เห็น เจอๆ เฮ้ยๆ นี่ๆ เราลองคิดย้อน แม้กระทั่งอารมณ์ที่มันจะน่ากลัว เราก็ทำเป็นตลกซะ รายการผีมืดๆ เราก็ทำให้สว่างซะ เอาไฟสาดเลย ให้เคลียร์ ต้องเห็นจริงๆ ไม่ใช่เห็นแบบมั่วๆ ถ้าจะมาให้เห็นทั้งที ต้องมาให้เต็ม เอาให้ชัดๆ จะได้ไม่เกิดข้อกังขา เทปแรก เทปทดสอบออกครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์"

ตามคาด การบุกไปบ้านผีตามรอยชื่อดัง แต่ไปในแบบที่ท้าทาย พูดจาหยาบ ตะโกนด่า ชนิดที่ถ้าเซ็นเซอร์ต้องดูดเสียงแทบจะทั้งรายการ ไม่ว่าจะเป็นการ กินเครื่องเซ่น พังศาล แก้ผ้าท้าทายผี ทาสีทับกับสัญลักษณ์ความหลอนของบ้านร้าง กระทั่ง ห่าม ล้อเล่นแรงๆ กับสิ่งที่มองไม่เห็น หรือที่ใครๆ เรียกกันว่าความเชื่อเรื่องผี เรื่องวิญญาณ เส้นบางๆ ที่น้อยคนจะกล้าแตะ แต่มันก็ทำให้พวกเขาโด่งดังมากมาย

 

ผู้เอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายโลก เจ้าของวลีเด็ด ไม่เชื่อต้องพิสูจน์

สุดท้ายจะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของวลีเด็ดที่ขัดแย้งกับความเชื่อของสังคมไทย 'ไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่เอาวิทยาศาสตร์มากำจัดความงมงาย โดยระยะหลังมาจับทางข่าวลือในโซเชียล ข่าวลือ ข่าวที่คลุมเครือยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ในสังคมพร้อมกับวิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวjessada.denduangboripant ในแง่มองของวิทยาศาสตร์

แม้ว่าเขาโด่งดังจากจุดเริ่มต้นในการพิสูจน์การตรวจสอบจีที200 เคลื่อนไหวผ่านเครือข่ายสังคมบนโลกอินเทอร์เน็ต โดยการจุดประกายจากล็อกอิน Geneticist แห่ง ห้องหว้ากอ ของเว็บพันทิปดอทคอม แม้กระทั่งเรื่องพิสูจน์บั้งไฟพญานาคว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ 

นักวิชาการชื่อดังบอกผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ตนเองสนใจ 'วิทยาศาสตร์ลวงโลก' มาก่อน เหมือนจีที 200 มีคนเอามาหลอกขายว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องแบบนี้ยังมีคนขาย และคนที่พร้อมจะหลงเชื่อว่าเป็นของจริงโดยไม่มีคนทบทวนว่าเรื่องเหตุผลเรื่องเหล่านี้มันสะท้อนสังคมไทยที่ชอบเชื่อตามๆ กันมาโดยไม่มีใครคิดทบทวนว่าจริงหรือไม่จริง อย่าง 'ไสยศาสตร์' และ 'พิธีกรรม' ก็เป็นมายากลชัดๆ ซึ่งหากเรารู้ว่ามันหลอกอย่างไร เราก็จะหาทางอธิบายให้คนเข้าใจได้คนก็จะเข้าใจวิทยาศาสตร์ลวงโลกได้ง่ายขึ้น

"ยกตัวอย่างความหมายของ 'วิทยาศาสตร์ลวงโลก' เช่น แผ่นแปะรถแล้วทำให้ประหยัดน้ำมัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีการขายอยู่ หรืออย่างเรื่อง 'ไสยศาสตร์ลวงโลก' ที่ผมทำออกแนวพิธีกรรม เช่นดูว่าทำไมเขาเอามือไปจุ่มน้ำกรดแล้วไม่เป็นอะไร พอเห็นเราก็จะมาเล่าในเฟซบุ๊กให้ฟังว่าทั้งหมดมันเป็นกลทางเคมี แม้แต่ลุยไฟได้ บางทีก็เป็นการถ่ายเทความร้อย พอเร่ิมเตะไปเรื่อยๆ ซีรีส์เรื่อง 'พยานาค' เร่ิมมา หลายอย่างอธิบายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรอยพญานาคหรือเรื่องการเกิดของบั้งไฟก็ตาม"

เรื่องผี วิญญาณก็เตะบ้าง แต่ไม่ได้เต็มที่ - นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังให้เหตุผลว่า มันไม่เป็นรูปธรรมให้เราเตะ อย่างลูกไฟ หรือ รอยพญานาคก็มีเหตุผลที่มาหักล้าง อาจจะมีแซวๆ เรื่องผีบ้างอย่างเรื่อง 'โค้งร้อยศพ' ถ.รัชดา ที่มีคนกราบไหว้เยอะ ซึ่งมีคนมาเล่าให้ตนฟังว่าตรงนั้นเมื่อก่อนมีคนไปฉี่กันเยอะ คนเลยเอาผ้าไปผูก ปรากฏว่าคนแห่ไปกราบไหว้ เอาม้า เอาศาลไปทิ้งกันมากมาย มันสะท้อนสังคมไทยได้ดีเหมือนกัน 

"ถามผมว่าผีมีจริงไหม เมื่อก่อนผมก็โตมาแบบนั้น แต่ไม่กี่ปีเร่ิมมองเป็นวิทยาศาสตร์แบบฮาร์ดคอร์มากขึ้น เร่ิมจะรู้สึกว่า อะไรที่เราพิสูจน์ไม่ได้ผมก็ตัดไปเลยว่า มันไม่มีก่อน ผีก็เหมือนกัน ผมก็ไม่เคยเห็น และไม่มีหลักฐานยืนยัน ถ้าวันใดที่คนหาหลักฐานมายืนยันได้ผมก็พร้อมจะเชื่อ ไม่เหมือนกับบั้งไฟพญานาคที่พอจะถ่ายรูปหรือเห็นได้ ผี หรือวิญญาณคนก็เล่าลือมามากก็จริง แต่ไม่มีใครเป็นรูปธรรมเลยไม่จับมันสักเท่าไหร่ หรืออย่างพวกรายการผีๆ มีเครื่องสแกนหาผี หรือจับพลังงานลีบลับผมก็เข้าไปดู พบว่าส่วนใหญ่ก็หลอกๆ กัน ปัจจุบันอ้างว่าเป็นเป็นโปรแกรมหาผีในไอโฟน มุมวิทยาศาสตร์มันไม่มีความสามารถขนาดนั้นพอพูดถึงผีต้องนิยามว่าผีคืออะไร อย่างที่ผมเรียนอังกฤษ เขาก็มีคนที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะไปไล่ตามผีในที่ที่ว่าเฮี้ยนๆ เอาเครื่องมือไปดักฟังเสียง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเลย"

 

 

เขาก็บอกผีนะไม่ใช่ตู้เย็น จะมาตั้งให้เห็นง่ายๆ ได้ไง - เจ้าของวลี 'ไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์' บอกว่ามันจึงเลยกลายเป็นเรื่องความเชื่อ เหมือนเรื่องพญานาคเขาบอกต้องมีบุญถึงจะเห็นของพวกนี้ ซึ่งมันจะหลุดกรอบวิทยาศาสตร์ เพราะว่าวิทยาศาสตร์บอกว่าต้องไม่เห็นคนเดียว มันต้องมีคนทำซ้ำได้ ต้องทดลองได้ ถ้าเห็นคนอื่น ก็เห็นได้เหมือนกัน ผี วิญญาณ มันเลยกลายเป็นความเชื่อ

"วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ทุกเรื่องยกเว้นความเชื่อพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด วิทยาศาตร์พิสูจน์ได้ทุกเรื่อง ถ้าคุณยอมให้พิสูจน์ อย่างคำสอนศาสนาพุทธบอกให้พิสูจน์ ให้ทดลองได้ แต่ถามว่ามีผิดไม่ เขาบอกว่าไม่มีผิด ถ้าคุณไปลองทำ แล้วไม่เห็นเขาก็บอกว่าเป็นปัจเจก เป็นบุคคล แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้ เพราะมันต้องได้ทุกคนทุกกรณี เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เปิดช่องให้เราพิสูจน์"

สุดท้ายถามมือปราบความเชื่อที่ไม่เหตุผลว่าในมุมวิทยาศาสตร์ฟันธงได้ไหมว่าผีไม่มีจริง - ไม่ได้ เพราะเมื่อวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ เราก็จะเก็บเอาไว้ก่อนว่ามันไม่มีจริง เช่น ผมไปเห็นโดราเอมอนมา ใครๆ ก็ไม่เชื่อ ซึ่งคนที่เห็นก็จะบอกว่าโดราเอมอนว่ามีจริงก็มีหน้าที่พิสูจน์ ไม่น่าอยู่ที่เรา ดังนั้นใครเชื่อว่าผีมีจริงต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ ต้องหากระบวนการทางทฤษฎี หรือหาอนุภาคมาเลยว่าผีมีจริง

ถ้าในมุมคุณผีไม่มีจริง มีคนมาชวนคุณไปบ้านผีจะไปไหม เขาตอบกลั้วเสียงหัวเราะดังว่าถ้าจะให้ไปนอนที่ป่าช้าไหน มันต้องมีอะไรจูงใจ ขอแค่เอาเงินมาให้ ไปแน่นอน

"ถามว่าเล่นกับความเชื่อ ความศรัทธา ไม่กลัวกระแสต่อต้านเหรอ ตั้งแต่ผมผ่านเรื่องจีที 200 มาได้ เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเด็กๆ คือเรามีจุดยืนที่ชัดเจน เราทำเรื่องนี้เพราะอะไร เรามีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง อย่าง ฟักโกสต์ เราสนิทกันไปหาเรื่องชาวบ้าน ซึ่งมันจะหลุดกรอบ ผมจะไม่ทำ ผมจะทำในกรอบวิทยาศาสตร์ จุดยืนผมก็จะเถียงเรื่องวิทยาศาสตร์ ถ้าอยู่จุดยืนที่ชุดเรามีเกาะคุ้มกันที่สังคมเข้าใจ" เจ้าของวลีเด็ดไม่เชื่อต้องพิสูจน์กล่าวสรุป

แล้วทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของเทรนด์คนเห็นผี และคนปราบผี ที่แรงสูสี และกำลังบี้กันร้อนแรง.

 

ที่มา :: ไทยรัฐออนไลน์ 

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top